วันที่สำคัญของบรูโนได้เดินทางมาถึง ตามสัญญาของแม่พระ เมื่อบรูโนได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระสันตะปาปา ในวันที่ 9 ธันวาคม 1949
พระสันตะปาปาปีโอที่ 12 ทรงเชิญคนงานกลุ่มหนึ่งให้ไปสวดสายประคำกับพระองค์ในโบสถ์น้อยส่วนพระองค์ และมีผู้กลับใจใหม่ไปร่วมกับคนงานกลุ่มนี้ด้วย
หลังการสวดสายประคำเสร็จสิ้น พระสันตะปาปาตรัสว่า “คนหนึ่งในพวกลูกอยากพูดกับเราใช่ไหม?”
บรูโนคุกเข่าลงเบื้องหน้าทูลถวาย หนังสือพระคัมภีร์โปรเตสแตนต์ กับ กริช ซึ่งแต่ก่อนเขาซื้อเพื่อจะสังหารพระองค์
พระสันตะปาปามองบรูโนด้วยความเมตตา ทรงยิ้ม แล้วตรัสกับบรูโนว่า
“ลูกที่รัก หากลูกพรากชีวิตของเราได้อย่างที่ปีศาจตั้งใจ ลูกก็ทำได้แค่ ทำให้พระคริสตเจ้ามีชัยชนะ และทำให้พระศาสนจักร ได้มีมรณสักขี (ตายเพื่อพระคริสต์) เพิ่มขึ้นอีกคนหนึ่งเท่านั้นเอง”
เมื่อพระสันตะปาปาทรงทราบว่า วันรุ่งขึ้นบรูโนจะเดินทางไปแคว้นเอมีเลีย เพื่อพูดถึงพระเมตตาซึ่งพระเป็นเจ้าทรงสำแดงต่อเขาโดยผ่านทางพระนางมารีอา ตามที่กลุ่มพระสังฆราชเชื้อเชิญ
พระสันตะปาปาตรัสว่า
“ดีแล้ว เราดีใจด้วย เชิญลูกไปในรัสเซียน้อย ๆ ของอิตาลี พร้อมกับพรของเราเถิด!”
บรูโนแสดงตัวเป็นผู้แพร่ธรรมของแม่พระและพระศาสนจักร โดยเล่าการกลับใจของตนเช่นนี้ ก็เพื่อชดเชยความผิดที่โจมตีต่อต้านพระศาสนาในการก่อน
แล้วเรื่องราวของบรูโน ก็เผยแพร่โด่งดังไปทั่วอิตาลี หนังสือพิมพ์ในอิตาลีลงเรื่องราวอันน่าเหลือเชื่อนี้ ในเวลาต่อมา พระศาสนจักรสอบสวนเรื่องนี้ และประกาศรับรองการประจักษ์ของพระแม่มารีย์นี้ว่า เผยแพร่ออกไปได้
จากวันนั้นจนวันสุดท้ายของชีวิตในปี 2001 บรูโนอุทิศตนในการเป็นผู้ช่วยดูแล และเป็นไกด์เล่าคำพยานของตัวเองแก่ผู้ที่มาแสวงบุญ ที่วัดที่สร้างขึ้นในจุดที่แม่พระพระแม่มารีย์ได้ประจักษ์ปรากฎมาหาเขาในครั้งนั้น!!!
รับรองโดยพฤตินัย
3 มิถุนายน รูปปั้นเล็กๆ รูปหนึ่งตั้งอยู่ในสถานที่แม่พระปรากฏองค์ให้เห็น ต่อมาได้เปลี่ยนเป็นรูปปั้นใหญ่ นับแต่บัดนั้นถ้ำสามน้ำพุได้กลายเป็นสถานที่สวดภาวนา
แต่เมื่อเห็นสัตบุรุษพากันมามากมาย เจ้าอาวาสสถานที่แห่งนั้นสั่งให้ติดป้าย ขอให้รอคำวินิจฉัยของพระศาสนจักรก่อน และในขณะเดียวกันก็สั่งยกเอาดอกไม้ที่มีคนนำมาออกไป เพื่อมิให้ใครคิดว่ากลิ่นหอมเหนือธรรมชาตินั้นมาจากดอกไม้
แต่ผู้ป่วยก็พากันมาและหายจากโรค พวกแพทย์จึงจัดให้มีสถานที่ชันสูตรการหายจากโรคเหมือนที่เมืองลูร์ด
สัตบุรุษแห่กันมาสวดสายประคำ เป็นอันว่าสถานที่สกปรกและแปดเปื้อนบาป ได้กลับกลายเป็นสถานที่รับพระหรรษทานและพระคุณ โดยเฉพาะพระสังฆราชเป็นจำนวนร้อยๆ พากันมาสำรวมใจที่ถ้ำสามน้ำพุ
นอกจากนั้นยังมีเลขาธิการสมณกระทรวงต่างๆ อธิการอารามและอธิการคณะนักบวช นักเทวศาสตร์ และเป็นต้นพระคาร์ดินัล เช่น พระคาร์ดินัลฟอนเฟาฮาแบร์ (Faulhaber) แห่งเมืองมิวนิก
และตามที่สตรีแห่งพระคัมภีร์วิวรณ์ได้สัญญาไว้ว่าจะมีอัศจรรย์เกิดขึ้นมากมาย มีคนกลับใจมากขึ้น มีคนหายป่วยจากโรคร้ายต่างๆอย่างอัศจรรย์มากมาย ผู้ที่หายป่วย ก็ได้นำเฝือก หรืออุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆของตนมาแขวนไว้ที่ถ้ำนั้น เพื่อเป็นประจักษ์พยานในการหายป่วยของตนเอง และทุกวันนี้ยังคงแขวนไว้ที่ผนังถ้ำจำนวนมากมาย
ดังนั้น แม้พระศาสนจักรยังมิทันได้วินิจฉัยอย่างเป็นทางการ การประจักษ์ของแม่พระที่ถ้ำนี้ก็เหมือนได้รับการรับรองโดยพฤตินัยแล้ว อย่างน้อยก็ถือว่าถ้ำนั้นเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
ปัจจุบัน การประจักษืนี้ รับรองโดยพระศาสนจักรท้องถิ่นแล้ว อยุ่ในสถานะเผยแพร่และแสวงบุญได้
พระนางพรหมจารี แห่งพระวิวรณ์
ผู้ที่เปิดตามนุษย์ที่ถูกปิดมิให้เห็นความสว่างของพระเจ้า ก็คือ พระคริสตเจ้า “องค์ความสว่างส่องนานาชาติ” (ลก.2.32) ด้วยพระบุญบารมีของพระคริสตเจ้า “ชนชาติที่เดินอยู่ในความมืด และบรรดาผู้ที่พำนักอยู่ในถิ่นแห่งร่มเงา ได้เห็นความสว่างอันรุ่งโรจน์” “ผู้ที่อยู่ในความมืดได้ถูกนำออกมาจากคุก” และ “ที่สุดปลายแผ่นดินได้เห็นความรอดที่พระเจ้าของเราประทานให้” (อสย. 9, 1;42,7;52,10)
แต่พระนางมารีย์ คือ กลไกสำคัญของการเปิดเผยนี้ พระนางเป็นประดุจเชิงเทียน ที่ช่วยให้ความสว่างของพระเจ้าส่องไปทั่วเพื่อให้ “ทุกสิ่งที่ถูกปิดบังจะเป็นที่เปิดเผย” (เทียบ มธ 10,26)
เมื่อบังเกิดพระวจนาตถ์เป็นมนุษย์ และเป็น “ผู้ฉายพระเกียรติรุ่งโรจน์ของพระบิดา” (ฮบ.1,3) พระนางก็ได้ทรงนำความสว่างมาสู่มวลมนุษย์ผู้เป็นลูกของพระนาง
นอกจากนั้นพระนางได้ภาวนาวอนขอให้ทุกสิ่งที่ปิดบังมิให้คนบาปเห็นความสว่างอันแท้จริง ได้อันตรธานหายไป เช่นนี้แหละอาศัยพระมารดา พระเยซูคริสต์ได้กระชากผ้าที่ปิดบังนัยน์ตาของบรูโนออก
เพราะไม่ว่าจะอ่านพระคัมภีร์จบสักกี่รอบ แต่หากมีมิจฉาทิฐิบังตาก็ไม่มีวันตีความพระคัมภีร์ให้ถูกต้องได้ แต่ปัญญาของพวกเขากลับมืดมัว จนกระทั่งทุกวันนี้เมื่อมีการอ่านพันธสัญญาเดิม ผ้าคลุมผืนนั้นยังคงอยู่ ยังไม่ถูกเปิด ผ้าคลุมนั้นจะถูกยกออกไปโดยพระคริสตเจ้าเท่านั้น
จนกระทั่งทุกวันนี้ เมื่ออ่านหนังสือของโมเสสผ้าคลุมก็ยังปิดบังดวงใจของพวกเขาอยู่ แต่เมื่อเขาหันไปหาองค์พระผู้เป็นเจ้า ผ้าคลุมนั้นก็จะถูกยกออกไป (2คร 3:14)
ขอให้พระนางส่องสว่างแก่บรรดาผู้ไม่เชื่อ และลุ่มหลงในหนทางแห่งความมดเท็จเพื่อเขาจะได้ต้อนรับพระคริสตเจ้าผู้เป็น “องค์ผู้ไขแสดงของเรา”
เรียบเรียงจาก นิวมานา