มรดกอัน ประเสริฐที่บิดามอบให้บุตร
ก็คือ “ตัวอย่างที่ดี”
ท่านก็ทราบดี แล้วว่า เราได้กระทำทุกอย่างเพื่อท่าน
ดังบิดามารดา พึงกระทำต่อบุตรหลานของตน (1เธสสะโลนิกา 2:11)
พระเป็นเจ้าจะทรง เข้ามาสาละวนกับเรื่องของมนุษย์
ก็ต่อเมื่อพระองค์ได้รับเชิญเท่านั้น.
ดู เถิด เรายืนอยู่และเคาะที่ประตูของท่าน
หากท่านได้ยินเสียงของเราแล้ว เปิดประตู
เราก็จะเข้ามาร่วมรับประทานอาหารกับท่าน (วิวรณ์ 3:20)
การแต่งงานอาจจะถูกสร้างขึ้นบนสวรรค์
แต่การบรูณะซ่อมแซมต้องอยู่ในโลกนี้.
ดังนั้น สามีจงรักภรรยา เหมือนรักตัวท่านเอง
และภรรยาก็จงเคารพสามีของตน (เอเฟซัส 5:33)
ความอิ่มเอิบใจมิได้หมายความว่า
เราได้มาซึ่งสิ่งที่เราต้องการ
หาก แต่เป็นความพอใจในสิ่งที่เรามีอยู่.
ข้าพเจ้าไม่ได้บ่นถึงเรื่องความ ขัดสน ไม่ว่าข้าพเจ้าจะมีฐานะอย่างไรก็ตาม
ข้าพเจ้าก็เรียนรู้แล้วที่จะ พอใจในสภาพของตน (ฟิลิปปี 4:11)
ความสามารถจะช่วยให้คนไปถึงจุดสุดยอด
ของชีวิต แต่อุปนิสัยใจคอต่างหาก
ที่จะช่วยให้เขาอยู่ต่อไปได้ในจุดนั้น.
ความชอบธรรมของคนที่ไร้ตำหนิ ย่อมรักษาทางของเขาให้ตรง
แต่คนชั่วร้ายย่อมล้มลง ด้วยความชั่วร้ายของเขาเอง (สุภาษิต 11:5)
คำพูด คือ หน้าต่าง
ที่เปิดให้เห็นหัวใจของท่าน.
เจ้าเป็นคนชั่วแล้วจะพูดความดีได้อย่างไร
เหตุว่าปากนั้นพูดจากสิ่งที่มาจากใจ
(มัทธิว 12:34ข.)
คนโง่ คิดว่าเขารู้ทุกอย่าง
หากท่านไปถกเถียงกับเขา
ท่านก็ยิ่งโง่ไปกว่าเขาเสียอีก.
หากท่านตักเตือนคนที่โอ้อวด ท่านก็จะได้รับแต่เพียงการดูหมิ่น
และความเจ็บปวด (สุภาษิต 9:7)
คนที่กำลังจมน้ำ เขาจะไม่มัวบ่นว่า
เครื่องชูชีพมันเล็กเกินไป.
จงทำสิ่งสารพัดโดยปราศจากการบ่น และการถกเถียงกัน
(ฟีลิปปี 2:14)
เป็นบุญของผู้ที่ไม่มีอะไรจะพูด
และยังสามารถอดใจไม่พูดอย่างยืดยาว.
ลิ้นของปราชญ์แจกจ่ายความรู้
แต่ปากของคนโง่ ย่อมถ่ายเทความโง่ออกมา
(สุภาษิต 15:2)